ช่างเป็นค่ำคืนแห่งความชื่นมื่นเสียจริง หลังแดงเดือดขบวนล่าสุดกลางโรงละครผ่านพ้นไปด้วยการเฉลิมฉลองชัยชนะของเจ้าถิ่นปีศาจแดง ปล่อยให้ผู้มาเยือนต้องโบยบินกลับรังไปเลียแผลสะอื้น
ถือเป็นความสะใจอย่างบ้าคลั่งสำหรับบรรดาแฟนผีทั่วทุกสารทิศ หลังอัดอั้นตันใจมา 2 เกมติด ทั้งกับ เอฟเวอร์ตัน และ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ยิ่งมาปลดปล่อยเอากับอริตลอดชาติด้วยแล้ว มันจึงเป็นความสะใจระดับพิเศษเพิ่มไข่นกกระจอกเทศเลยทีเดียว
คนที่ดูจะสะใจที่สุดคงหนีไม่พ้น เจ้าของบทฮีโร่แห่งรัตติกาล “เบิร์บแมน” ดิมิท่าร์ เบอร์บาตอฟ
หลังจาก “ป๋าเฟอร์กี้” ออกมายืดอกยอมรับแบบแมนๆ ว่าคิดผิดที่ไม่ใส่ชื่อศูนย์หน้าบัลแกเรียนในเกมกับ เรนเจอร์ส เจ้าของหมายเลข 9 จึงได้โอกาสลงสนามตั้งแต่เริ่มเกม แล้วก็ไม่ทำให้เจ้านายผิดหวังด้วยฟอร์มอันร้อนแรงเกินล้านแรงม้า กลบเสียงที่เคยวิจารณ์เงียบกริบ
ลูกโขกเต็มกบาลจากการเปิดอันละเมียดละไมของ ไรอัน กิ๊กส์ ถือเป็นการปลดล็อคที่สำคัญ เพราะนอกจากจะเป็นประตูแรกในเกมแล้ว มันยังถือเป็นประตูแรกของ เบิร์บแมน ที่ประเคนใส่ ลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ย้ายสำมะโนครัวมาปักหลักบนเกาะอังกฤษอีกด้วย
แต่ความซี๊ดซ๊าดมันอยู่ตรงประตูที่ 2 เมื่อ นานี่ เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้ากลางประตู เบิร์บแมน ดูดบอลลงก่อนจะพลิกตัวตวัด “โอเวอร์เฮด” ชนคานเข้าประตูชนิดที่ โฆเซ่ เรน่า ได้แต่ยืนมองด้วยสายตา “อึ้งแดรก” เรียกว่าช็อตนี้ “ไม่เบิร์บ…ไม่อาร์ต ทำไม่ได้นะเนี่ย” จนใครต่อใครต่างคาดหมายว่าประตูนี้จะถูกส่งเข้าชิงประตูแห่งปีแน่นอน
ระดับความมันยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น เมื่อผู้มาเยือนทวงประตูคืนทีเดียว 2 ประตูจากจุดโทษและฟรีคิก ทำเอาบรรดาห่าน-หงส์ตีปีกกันพรึบพรับ ไม่รู้จะวี๊ดว๊ายกระตู้ฮู้อะไรกันนักหนากับลูกนิ่งที่แสนจะธรรมด๊า…ธรรมดา นี่ถ้าคิดจะเอาดีจากการหากินกับลูกนิ่ง เปลี่ยนไปเล่น “สนุกเกอร์” ดีกว่ามั๊ย ???
แต่ยังไงๆ “ผีก็ยังเป็นผี” เมื่ออาการโกงความตายยิ่งกว่า Final Destination กำเริบขึ้นอีกครั้ง จากการบรรจงเปิดของ จอห์น โอเชีย ใส่กระหม่อมเถิกๆ โขกตุงตาข่าย กลายเป็นแฮตทริกแรกของ เบิร์บแมน ภายใต้อาภรณ์อสูร วินาทีนั้นทำเอาร้าน Manchester United Restaurant & Bar แทบแตกด้วยอาการดีใจเต็มพิกัดของเหล่าแฟนผีที่ยกพลกันมาแน่นร้าน แถมยังปรากฏร่างหญิงสาวนางหนึ่งกระโดดขึ้นไปเริงร่าสะใจบนโต๊ะอย่างบ้าคลั่ง เล่นเอาพนักงานร้านดีใจไม่สุดไปตามๆ กัน ฮ่าๆๆ
แฮตทริกปราบหงส์นี้ นอกจากจะเป็นแฮตทริกแรกของ เบอร์บาตอฟ แล้ว ยังถือเป็นแฮตทริกประวัติศาสตร์อีกด้วย เพราะจากการนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาไปขุดคุ้ยอดีตก็พบว่า นักเตะยูไนเต็ดคนล่าสุดที่กระหน่ำแฮตทริกในเกมแดงเดือด คือ “สแตน เพียร์สัน” เมื่อวันที่ 11 กันยายน 1946 ตั้งแต่สมัยดิวิชั่น 1 โบราณ รวมเวลาทั้งหมด 64 ปี กับอีก 8 วันพอดิบพอดีถึงจะซัดแฮตทริกได้อีกครั้ง โดยครั้งนั้น ยูไนเต็ดซัดกระจายถึง 5-0 บนสนามเมนโร้ด ซึ่งยูไนเต็ดได้หยิบยืมเพื่อนบ้านมาใช้เป็นสนามเหย้าจากผลพวงของสงครามโลกครั้งที่ 2
แต่ถ้าจะหาแฮตทริกล่าสุดบนท้องทุ่ง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้องย้อนไปไกลถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 1928 โน้นเลย โดยหนนั้นเป็นผลงานจากฝีเท้าของ “โจ สเปนซ์” ก่อนปีศาจแดงจะอัดคู่อริเละเทะคารัง 6-1
ทำเนียบแฮตทริกแดงเดือด ขอต้อนรับ เบอร์บาตอฟ อย่างเต็มใจ!!
แดงเดือดคราวนี้ นอกจากจะนำมาซึ่งความสะใจจากผลการแข่งขันแล้ว มากไปกว่านั้นมันคือความสะใจที่ได้เห็นบรรดาเด็กหงส์ประสบอาการ “ใบ้แดรก” หลังจากส่งเสียง “ก๊าบ…ก๊าบ” อย่างดังก่อนเกม แถมเอาแต่ยกหางกระดิกงิ๊กๆ ว่าทีมรักของตัวเองจะจัดการปราบทีมที่แสดงตัวว่า “อ่อน” กลางอกเสื้อได้แน่นอน ถึงขนาดไม่กลัวสะเก็ดวาจาที่รอดผ่านช่องเขื่อนที่พังไปถึง 2 ซี่ จะนำมาซึ่งเชื้อโรคบนโลกใบนี้ตั้งเท่าไหร่
อยากตะโกนกลับไปถามพวกที่เคยส่งเสียงกันระงมคลองเหลือเกิน
รู้หรือยัง…ว่าใคร “อ่อน”
ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
chokechone11
2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC